เมนู

กับเสาประโคนคือพระสมาธิ เหตุดังนั้นจะว่าพระอรหันต์เจ้าเสวยเวทนาอันเกิดแต่กายสิ่งเดียว
มิได้เสวยเวทนาอันเกิดแต่จิต บพิตรพระราชสมภารพึงเข้าพระทัยด้วยประการดังนี้
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีได้ทรงฟังดังนี้ ก็มีพระทัยสิ้นพระกังขา จึงซ้องสาธุ
การดุจนัยหนหลัง
อรโห กายิกเจตสิกเวทนาปัญหา คำรบ 1 จบเพียงนี้

กายิกเจตสิกเวทนาย นานากรณปัญหา ที่ 2


ราชา อาห

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าอันประกอบไปด้วยบวรปรีชาญาณ โยมนี้รำพึงการไปก็ให้บังเกิดสงสัย
ด้วยจิตของพระอรหันต์เจ้านี้ เมื่อกายไหว เหตุไรจึงมิได้ไหวไปด้วย น่าอัศจรรย์ใจนักหนา
นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนถวายพระพรวิสัชนาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร
เปรียบปานดุจดังต้นไม้อันใหญ่ประกอบไปด้วยใบกิ่งก้านร่มเงา สาขา จลติ เมื่อกิ่งก้านนั้นเล่าจะ
หวั่นไหว จะไหวสะเทือนถึงลำต้นหรือไม่ เมื่อกิ่งไหวแล้วต้นไม้นั้นจะไหวด้วยหรือ หรือว่าหามิได้
นะบพิตรพระราชสมภาร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า น หิ ภนฺเต ข้าแต่พระผู้
เป็นเจ้า ใช่ว่ากิ่งไหวแล้วจะไหวถึงลำต้นหามิได้ เพราะต้นไม้นั้นใหญ่จึงไหวแต่กิ่ง
พระนาคเสนเถระจึงเปรียบว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร
ข้อความประการนี้มีอุปมาฉันใด ทุกฺขา เวทนาย ผุฏฺโฐ เมื่อพระอรหันต์เจ้าเสวนเวทนาเจ็บปวด
ลำบากนั้น จิตพระอรหันต์มิได้รู้หวั่นไหว เหตุว่าเห็นพระไตรลักษณญาณ คือพระอนิจจัง
พระทุกขัง พระอนัตตา ผูกจิตอาตมาไว้กับเสาประโคนใหญ่คือพระสมาธิ เปรียบดุจต้นไม้ใหญ่
อันไหวแต่กิ่ง ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชาสาคลราชธานี ได้ทรงฟังดังนี้ก็ชื่นชมยินดีซ้องสาธุการ
ต่าง ๆ เหมือนนัยหนหลัง
กายิกเจตสิกเวทนาย นานากรณปัญหา คำรบ 2 จบเพียงนี้